อัจฉริยะทางการแพทย์ยุคปัจจุบันเดินทางข้ามผ่านเวลากลายมาเป็นพระชายาอ๋องผู้ถูกทอดทิ้ง แม้แต่ลูกชายของตนยังถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส! จ้าวสงครามที่สองขาพิการรังเกียจนางเยี่ยงมด แม้แต่การอยู่การกินของนางก็แสนระกำลำบาก! ดีที่นางมีมืออันวิเศษของหมออัจฉริยะ และพรแห่งห้วงเวลาอยู่ ถูกคนรับใช้ดูหมิ่น ก็ทำให้ตาบอดเสียเลย! พวกนางรับใช้ แม่นมรังแก ก็ตัดเส้นเอ็นข้อมือเสียให้! สามีขี้เผด็จการ ก็แขวนเขาไว้บนต้นไม้ซะสิ! หลิงอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำเสียจนตำหนักอ๋องอี้วุ่นวาย! อาศัยมือวิเศษคู่นั้นที่ช่วยชีวิตท่านเสนาบดี ช่วยชีวิตไทเฮา... ! ชนะใจชายหนุ่มผู้มากยศมั่งคั่งทั้งหลาย ในที่สุด นางก็ถูกสามีจ้าวสงครามต้อนจนมุมเสียได้ “ขโมยทั้งร่างกายทั้งหัวใจข้า ยังคิดที่จะหนีไปให้ไร้ร่องรอยอีกรึ?”
ดูเพิ่มเติมนางรับใช้ที่ถูกท่านหญิงอวิ๋นดึงออกมาจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างชอบธรรม “เจ้าค่ะ มิเพียงแต่บ่าวเท่านั้นที่เห็นว่าหยางหงหนิงผลักท่านหญิงฉางเล่อ แม้แต่แม่นมจงก็เห็นเช่นกันเจ้าค่ะ!”“ตอนนั้นท่านหญิงฉางเล่อไปช่วยนางกำนัลดึงท่านชายหยวนซาน และเดิมทีหยางหงหนิงก็ยืนอยู่ด้านหลัง แต่ตอนที่นางเดินไปข้างหน้า บ่าวกับแม่นมจงก็ยังคิดอยู่ว่านางจะเข้าไปช่วย”“แต่ผลก็คือ หยางหงหนิงมิได้ไปช่วยนางกำนัลดึงท่านชายหยวนซานขึ้นมา แต่กลับผลักท่านหญิงฉางเล่อไปอย่างแรงแทน!”“เมื่อท่านหญิงฉางเล่อตกหน้าผาไป นางก็เดินจากไปทันที จากนั้นก็แสร้งทำท่าทีเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านหญิงฉางเล่อ แล้ววิ่งไปดูท่านหญิงฉงเล่อที่ขอบหน้าผาเจ้าค่ะ!”หยางหงหนิงจึงตะคอกขึ้นมาอย่างโกรธจัด “นางบ่าวชั้นต่ำ เจ้าพูดจาเหลวไหลสิ้นดี!”“ในเมื่อเจ้าเห็นว่าข้าผลักหลงเพ่ยเพ่ย แล้วเหตุใดยามนั้นเจ้ามิพูดเล่า?”นางรับใช้เหลือบมองหลงเพ่ยเพ่ย แล้วเอ่ยออกมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายไปหมด ทุกคนต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยท่านหญิงฉางเล่อและท่านชายหยวนซาน บ่าวจึงมิได้สนใจในเรื่องนี้!”“หลังจากเรื่องนี้บ่าวก็มิกล้าพูดเช่นกัน… บ่าวเป็นคนต่ำต้อ
หยางหงหนิงตระหนกจนทำอะไรมิถูกขึ้นมาทันที นางจึงหันไปรอบ ๆ เพื่อมองหาคนที่สามารถช่วยตนได้เมื่อนางเห็นหลงเพ่ยเพ่ย ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา แล้วรีบพุ่งเข้าไปทันที“เพ่ยเพ่ย… ข้าผิดไปแล้ว ข้าเลอะเลือนไปดึงเจ้าเอง แต่ข้ามิได้ตั้งใจจริง ๆ!”“เจ้าให้อภัยและให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถิด!”“พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เจ้าก็รู้จักข้าดี ข้ามิได้มีจิตใจชั่วร้าย ข้าก็แค่ถูกเย่หรงยั่วยุขึ้นมา จึงได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่เช่นนั้นลงไป!”เป็นครั้งแรกที่หลงเพ่ยเพ่ยเห็นหยางหงหนิงดูน่าสงสารราวกับสุนัขไร้เจ้าของเช่นนี้ เมื่อเห็นนางพุ่งเข้ามาหา หลงเพ่ยเพ่ยก็ถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิรู้ตัว“หยุดนะ!”หลงเพ่ยเพ่ยขัดจังหวะคำพูดของหยางหงหนิงไว้อย่างเย็นชา“ในตอนแรกที่เจ้าประลองการปรุงยาพิษกับสิงอวี๋ เจ้าใช้ยาระบายกับนาง อีกทั้งในระหว่างขั้นตอนการปรุงก็แย่งเครื่องยาสมุนไพรสำหรับยาแก้พิษของนางไปอีก!”“ในตอนนั้น เจ้าเองก็พูดกับข้าเช่นนี้ บอกว่าเจ้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ!”“หยางหงหนิง ข้าเองก็ช่วยอธิบายให้สิงอวี๋และเย่หรงฟังเช่นนี้ ข้าบอกไปว่าเจ้ามิได้มีจิตใจชั่วร้าย แค่ใจร้อนไปชั่ววูบ!”“ตอนนั้นสิงอวี๋และเย่หรงก็แสดง
“มิใช่ข้าหรอกที่ต้องการยุติความสัมพันธ์สามีภรรยาของเรา แต่เป็นท่านต่างหาก!”องค์หญิงหานเยวี่ยจ้องมองเสิ่นฮ่าวไปอย่างดุร้าย “ตั้งแต่วันที่ท่านรับคนรักและลูกชายของท่านมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ความเป็นสามีภรรยาของเราก็มิหลงเหลือความรู้สึกอยู่แล้ว!”“ในเมื่อพวกเจ้าชอบอยู่ด้วยกันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไปรักกันในคุกเสียเถิด!”หลังจากที่องค์หญิงหานเยวี่ยพูดจบก็มิสนใจเสิ่นฮ่าวอีก และหันไปหาใต้เท้าเจียง“ใต้เท้าเจียง ฮูหยินเสิ่นเป็นผู้ต้องสงสัยว่านำสินค้ามาย้อมแมวขาย และสมรู้ร่วมคิดกับเสิ่นฮ่าวในการยักยอกเบี้ยหวัดทหาร ในเมื่อมีฉาชิ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายมาฟ้องร้องแล้ว ก็ควรจะพิจารณาคดีร่วมกัน!”เมื่อฉาชิ่งได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตะโกนขึ้นมา “ใต้เท้าเจียง ข้ายังเก็บบัญชีที่ฮูหยินเสิ่นทำไว้ด้วย ข้าสามารถส่งมอบให้ใต้เท้าเจียงเพื่อเป็นหลักฐานได้ขอรับ!”เมื่อฮูหยินหยางเห็นว่าสถานการณ์มิสู้ดีนัก นางจึงรีบไปดึงองค์หญิงหานเยวี่ยไว้“หานเยวี่ย ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย!”“พวกเราถูกใส่ร้ายจริง ๆ ท่านต้องเชื่อ...”“เพียะ!”องค์หญิงหานเยวี่ยมิรอให้ฮูหยินหยางพูดจนจบ ก็ยกมือขึ้นตบนางอย่างแรง“สารเลว หลายปีมานี้ตระ
เสิ่นฮ่าวโดนก้อนหินเหล่านั้นขว้างปาใส่จนต้องถอยร่นแม้ก้อนหินเหล่านั้นจะมิได้ระคายกายเขาแม้แต่น้อย ทว่าความอัปยศอดสูเช่นนี้ เสิ่นฮ่าวมิเคยเผชิญมานานหลายปีแล้วเหล่าขุนนางและผู้ตรวจการต่างจ้องมองอย่างมิวางตา เสิ่นฮ่าวจึงมิกล้าแม้แต่จะบันดาลโทสะหรือลงมือสังหารผู้ใด“นี่มันเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!”เสิ่นฮ่าวตวาดลั่น “ข้าจะถวายฎีกาให้จงได้! แม่ทัพเช่นข้ามิขอต่อปากต่อคำกับพวกเจ้า เชื่อว่าฝ่าบาทจะประทานความเป็นธรรมให้ข้าแน่นอน!”กล่าวจบ เสิ่นฮ่าวก็ตรงเข้าไปฉุดแขนองค์หญิงหานเยวี่ย “หานเยวี่ย พวกเรากลับกันเถอะ!”องค์หญิงหานเยวี่ยซึ่งเดิมทีตกตะลึงจนร่างแข็งทื่อดุจท่อนไม้ พลันถูกเขาดึงจนเสียหลักเซถลา สติสัมปชัญญะจึงกลับคืนมาทันใดนั้น นางก็เงื้อมือขึ้น ตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของเสิ่นฮ่าวอย่างแรง“กลับไปที่ใดกัน?”องค์หญิงหานเยวี่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ฉาชิ่งกล่าวหาว่าท่านยักยอกเงินหลวง เป็นการใส่ร้าย”“เช่นนั้นท่านก็จงอธิบายให้ข้าที เรื่องของฮูหยินเสิ่นนั่น ก็เป็นการใส่ความท่านด้วยอีกกระนั้นหรือ?”“แล้วเด็กเหลือขอนั่นเล่า มิใช่บุตรชายคนโตของท่านจริงหรือ?”เสิ่นฮ่าวกุมใบหน้าตนเอง แม้ฝ่ามือ
ภาพแล้วภาพเล่าผุดพรายขึ้นในมโนสำนึกขององค์หญิงหานเยวี่ยครั้งแรกที่เห็นบุตรชายของฮูหยินเสิ่น นางเพียงเอ่ยขึ้นลอย ๆ ว่า “เด็กคนนี้ช่างคล้ายคลึงกับสามีของข้าเสียจริง!”ฮูหยินเสิ่นกล่าวอย่างใจเย็นเป็นปกติว่า “การที่เขาคล้ายแม่ทัพเสิ่นนับเป็นวาสนาของเขา หวังว่าในภายภาคหน้าเขาจะเจริญรอยตามท่านแม่ทัพ ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ เป็นถึงจอมทัพได้เช่นกัน!”ก่อนที่แม่สามีจะกลับบ้านเกิด ท่านมองหานเยวี่ยหลายครั้งเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็มิได้พูดออกมาตอนนั้นหานเยวี่ยมิเข้าใจว่านั่นหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันคือความรู้สึกผิด!เมื่อครั้งเฉลิมฉลองปีใหม่ เสิ่นฮ่าวกล่าวว่า “ฮูหยินเสิ่นกับเจ้าสนิทสนมดุจพี่น้อง นางไร้ญาติขาดมิตรในเมืองหลวง เจ้าเชิญสองแม่ลูกมาร่วมฉลองที่จวนองค์หญิงด้วยกันเถิด!”กระบี่วิเศษที่มหาเทพหลงประทานให้ เสิ่นฮ่าวกลับมอบต่อให้บุตรชายของฮูหยินเสิ่นในทันทีองค์หญิงหานยวี่ยกล่าวอย่างมิพอใจว่า “เป่าเอ๋อร์ก็ชอบกระบี่เล่มนี้ เหตุใดท่านจึงมิเก็บไว้ให้เป่าเอ๋อร์เล่า?”เสิ่นฮ่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เป่าเอ๋อร์ยังเล็กนัก ยังมิจำเป็นต้องใช้กระบี่! บุตรชายของฮูหยินเสิ่น
องค์หญิงหานเยวี่ยถึงกับตะลึงงันไป คำพูดของโม่เจี๋ยประดุจดั่งระเบิดอสุนีบาตที่ถาโถมเข้าใส่จนนางมิอาจต้านทานได้เลย“นี่มันมิจริง! ฮูหยินหยาง เจ้าบอกข้าสิว่านี่มันมิจริง!”องค์หญิงหานเยวี่ยหันไปมองฮูหยินหยาง ฮูหยินหยางหลบสายตาของนางโดยมิรู้ตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก“หานเยวี่ย นี่มันมิจริงแน่นอน! ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดของพวกเขา พวกเขากำลังใส่ร้ายแม่ทัพเสิ่นกับพวกเรา!”โม่เจี๋ยกล่าวอย่างมิลดละ “ฮูหยินหยาง พวกเราจำเป็นต้องใส่ร้ายท่านด้วยหรือ? ท่านเป็นใครกัน?”“หลายปีมานี้ท่านได้ประโยชน์จากเสด็จอาหานเยวี่ยไปมิน้อย แต่กลับเอาใจออกห่าง ไปเข้าข้างฮูหยินเสิ่นนั่น หลอกลวงเสด็จอาหานเยวี่ย!”“มันจะเป็นเพราะเหตุใดได้อีก? ก็มิใช่เพราะว่าฮูหยินเสิ่นเป็นที่โปรดปรานของแม่ทัพเสิ่นมากกว่าเสด็จอาหานเยวี่ยหรอกหรือ?”“เพียงแค่ฮูหยินเสิ่นเป่าหูแม่ทัพเสิ่นสักหน่อย ก็มีผลมากกว่าที่องค์หญิงหานเยวี่ยเอ่ยตรัสเป็นหลายร้อยคำเสียอีก!”ฉาชิ่งกล่าวด้วยความโกรธแค้น “ตระกูลหยางสมคบคิดกับเสิ่นฮ่าว ยักยอกเบี้ยหวัดทหาร! หลายปีมานี้ เสบียงและเบี้ยหวัดที่ผ่านมือเสิ่นฮ่าวนั้นมีบัญชีสองเล่ม เล่มหนึ่งเป็นบัญชีปลอม ใช้
ความคิดเห็น