นางรู้สึกวาบหวิวทั้งที่ใบหูและใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นในทุก ๆ ช่วงเวลาที่เขาพูด
“เคล้ง!!”
ดาบในมือนางร่วงลงกับพื้นเมื่อเขาพูดจนจบ นางตกใจและรีบลืมตาขึ้นแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เว่ยเฟิงหรงเดินกลับไปแล้วเมื่อเขาแอบหอมแก้มนาง
นางค่อย ๆ ใช้มือยกขึ้นมาลูบที่พวงแก้มของตนเองที่ถูกเขาฝังจมูกลงไปเมื่อครู่นี้ สัมผัสนี้แตกต่างกับตอนที่ถูกเสวียนอวี่จับเมื่อชาติที่แล้วมันทั้งวาบหวามและ….อบอุ่นอย่างน่าประหลาด
“นี่ข้า…..เป็นอะไรไป”
นางกำลังหวั่นไหวให้บุรุษอีกครั้งหนึ่งซึ่งนางได้เคยปฏิญาณตนเอาไว้แล้วว่าเกิดในชาตินี้นางจะไม่มีทางหวั่นไหวให้กับบุรุษอีก แต่ว่า…..เว่ยเฟิงหรงผู้นี้ช่างแตกต่างกับองค์ชายเสวียนอวี่ที่ทั้งบ้าคลั่งและก้าวร้าวผู้นั้น
ชาติก่อนของอิ่นหลง
“ร้องดังกว่านี้สิอิ่นหลง เจ้าไม่มีความสุขงั้นหรือ”
“อ๊าา องค์ชาย อย่ากัดเพคะ”
“อ๊าา เสียวมากหรือไม่เหตุใดเจ้า…อาา อิ่นหลง”
“องค์ชายเพคะ อ่อนโยนหน่อย”
เสวียนอวี่ที่ดูดดึงยอดปทุมของนางจนช้ำคาปากและอีกข้างกำลังมีเลือดไหลออกมาจากการกัดของเขา ไหล่ของนางเต็มไปด้วยรอยฟันที่ถูกเขากัดเม้ม แรงกระแทกที่ราวกับโกรธผู้ใดมายังคงไม่ลดลง แม้ว่านางจะรู้สึกดีแต่ก็ปวดร้าวจนถึงด้านใน
“องค์ชาย…อ๊ะ…”
“อาา….อิ่นหลง…..หันหลังหน่อย อึ๊ย!!!”
นางถูกจับคุกเข่าราวกับสุนัขและถูกยัดเยียดแก่นกายที่ทั้งใหญ่และยาวนั่นเข้าไปอีกครั้ง เรือนผมถูกกระชากจากมือหนาขององค์ชายที่ไม่แม้แต่จะลดละความรุนแรง
“อาา ยอดเยี่ยม….อาา เด้งรับสิอิ่นหลง ทำไม่เป็นแล้วงั้นหรือ เด้งขึ้นมา!!”
“อ๊าา!!”
“เพี๊ยะ!!”
มือที่ตีไปยังบั้นท้ายจนเกิดรอยแดงซ้ำ ๆ หากอารมณ์ดีหน่อยเขาก็จะใช้มือ แต่หากว่าวันใดที่เขาทะเลาะกับว่าที่คู่หมั้นมาเขาก็จะใช้แส้กับนาง
ร่างกายของนางทั้งบอบช้ำ หัวใจก็เริ่มปวดร้าวเมื่อพวกเขาเกี่ยวพันกันเพียงแค่เรือนร่างเท่านั้น จนเมื่อเรื่องที่เขามักจะมานอนค้างกับองครักษ์สาวข้างกายไปถึงหูของว่าที่คู่หมั้นและฮองเฮา เขาก็ไม่รอช้าที่จะจัดการฆ่านางเป็นคนแรก
“จ้าวเสวียนอวี่ ชาตินี้ข้าไม่มีทางปล่อยท่านไป!!”
น้ำตาที่ไหลรดลงไปและมือที่กำดาบเอาไว้แน่นหลังจากที่หยิบขึ้นมาแล้วทำให้นางตัดสินใจได้ หลังจากที่ส่งซื่อจื่อลงเขาไปแล้ว นางก็จะไปจากหยางโจวในทันที
สองวันถัดมา
“นี่คือ….”
เว่ยเฟิงหรงยื่นดาบสีเงินที่ประดับทับทิมส่งให้นาง
“เจ้าลองดูสิว่าชอบหรือไม่”
ไป๋ซูเม่ยมองดาบที่เขาส่งมาให้ด้วยความพอใจ รอยยิ้มนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง เว่ยเฟิงหรงนึกอยากจะเห็นนางยิ้มเช่นนี้บ่อย ๆ เมื่อนางรับดาบไปจากมือของเขาและดึงออกมาจากฝัก
“ว้าว ดาบนี่งดงามมากเลยเจ้าค่ะคุณชายเว่ย”
“คุณหนูไป๋ขอรับ ดาบนี้คุณชายให้ข้าไปสั่งช่างฝีมือของสกุลเว่ยทำขึ้นมาสำหรับท่านโดยเฉพาะ ทั้งน้ำหนักของมันและรูปทรงเหมาะกับท่านยิ่งนักขอรับ”
“ท่านไม่น่าลำบาก…”
“ถือเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ วันนี้พวกข้าจะต้องลงจากเขาแล้วก็เลยหาสิ่งตอบแทนให้เจ้าเล็กน้อย เจ้าอยากลองดาบใหม่ของเจ้าหน่อยหรือไม่”
“ลองงั้นหรือ…หรือว่า…อื้ม ข้าอยากลองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
เขาดึงแขนนางและวิ่งขึ้นไปยังเชิงเขาที่นางเอาไว้ฝึกวิชาและหลายวันที่มีเขาฝึกให้ เมื่อเดินมาถึงลานฝึก นางก็ดึงดาบออกมาจากฝัก คมดาบมีน้ำหนักเบาและคมกริบ นางลองทดลองกับกิ่งไม้รอบ ๆ และหินที่อยู่ด้านหลังของเว่ยเฟิงหรงพบว่ามันใช้ง่ายและเข้ากับนางอย่างมาก
“เอาล่ะ มาลองกันเลยครั้งนี้ข้าเองก็จะใช้ดาบจริงแล้วนะ จะไม่เอาเปรียบจ้าเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว”
“ได้เลยคุณชายเว่ย ล่วงเกินแล้ว”
“แม่นางไป๋ ออมมือด้วย”
พวกเขาประลองกัน นึกไม่ถึงว่าดาบที่เขาทำให้จะรับกับสัมผัสมือของนาง น้ำหนักที่ไม่หนักเหมือนดาบของเขาและขนาดที่พอดีมือทำให้นางรู้สึกคุ้นชินกับดาบได้อย่างรวดเร็วจน….
“ครั้งนี้ข้าชนะแล้ว ขอบคุณคุณชายเว่ยที่ออมมือ”
“เฮ้อ….ช่วยไม่ได้ ครั้งนี้ดาบข้าคงต้องเปลี่ยนแล้วจริง ๆ มันคงหนักเกินไปแล้ว”
“ไม่หรอก ท่านก็แค่แกล้งแพ้เท่านั้นเอง ใช่ว่าข้าจะโง่ขนาดว่าจะมองไม่ออกเสียหน่อย”
“เหตุใดเจ้าถึงได้ไม่มั่นใจในตัวเองเช่นนั้น”
“กระบวนท่าเมื่อครู่ท่านสามารถป้องกันข้าได้ถึงสามครั้งแต่ท่านเอาแต่หนีสุดท้ายก็แค่อยากจะจบการประลองเพราะท่านเริ่มเจ็บแผลอีกแล้วใช่หรือไม่”
“เจ้ารู้งั้นหรือ”
“แผลนั่นแม้จะแห้งสนิทแล้วแต่ท่านที่ต้องถือดาบในน้ำหนักที่เท่าเดิมย่อมไม่มีทางออกกระบวนท่าได้เต็มที่เป็นแน่ อีกทั้งข้าที่โจมตีท่านเร็วเกินไปทำให้ท่านเริ่มรับน้ำหนักของดาบตัวเองไม่ไหวการเคลื่อนไหวจึงช้าลง ท่านเป็นคนสอนข้าเอง และท่านอย่าลืมสิว่า…ข้าเป็นผู้รักษาแผลให้ท่านนะ”
“หลอกเจ้าไม่ได้จริง ๆ สินะ เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าอยากขอสิ่งใดล่ะซูเม่ย”
“ของั้นหรือ?”
“ใช่ ครั้งก่อนข้าชนะข้าก็…..”
ราวกับนัดกันไว้ ทั้งคู่ได้เพียงแค่มองตากัน…ไร้คำพูดใด ๆ ออกมา และเป็นเว่ยเฟิงหรงที่ทำท่ากระแอมและหลบสายตานางไปที่อื่นแทน
“เจ้า…ไม่ได้อยากจะขอหรอกหรือ”
“ท่านจะลงเขาแล้วใช่หรือไม่”
“ก็…ใช่แล้ว รบกวนพวกเจ้ามาเกือบเดือนตอนนี้ก็หายดีแล้วคงต้อง….ไปเสียที”
“อืม เช่นนั้นก็ดี ข้าขอให้ท่านอย่าได้ถูกผู้ใดลอบฆ่าอีกเพราะที่นี่จะไม่มีคนที่อยู่รอทำแผลให้ท่านอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าจะกลับสกุลไป๋หรือ”
“เปล่า ข้าไม่ได้จะกลับไปที่นั่น”
“เจ้า…จะไปเมืองหลวง…จริง ๆ งั้นหรือ”
“อืม ใช่เจ้าค่ะ ข้าต้องไป”
“แต่ว่าหมอหลวงไป๋จะยินยอมงั้นหรือ”
“เรื่องนี้ข้าส่งข่าวบอกเขาไปแล้ว เมืองหลวงกับหยางโจวมิได้ไกลกันมากขนาดนั้นเสียหน่อย ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึงแล้ว ท่านพ่อจึงมิได้ขัดข้อง ท่านอย่าลืมสิว่าข้าใช้ชีวิตอยู่บนเขานี้เพียงลำพังมาได้เกือบสามเดือนเชียวนะ”
“แต่ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นสตรี เอาเช่นนี้สิ ข้าเองก็จะไปเมืองหลวงเช่นกันเช่นนั้นมิสู้…”
“คุณชายเว่ย ข้าคิดว่าท่าน…อย่าเสียเวลาเลย พวกเราหลังจากนี้ต่างคนต่างไปจะดีกว่าข้าไม่อยากสร้างความวุ่นวายใจให้กับท่าน”
“อะไรนะ นี่เจ้าคิดว่า…แต่ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเจ้าเลยนะซูเม่ย หากไม่ได้เจ้าชีวิตของข้าก็คงไม่รอดมาได้จนถึงตอนนี้”
“เชื่อข้าเถอะท่านชายเว่ย ท่านเป็นซื่อจื่อแห่งหยางโจว อย่าได้…เกี่ยวข้องกับข้าเลยมันไม่คุ้มหรอก”
“ไป๋ซูเม่ย บางทีข้าก็ไม่เข้าใจเจ้าเลยเหตุใดเจ้าจึงเหมือนกับว่าไม่ไว้ใจผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว”
“ท่านอย่าได้เข้าใจเลยจะดีกว่า เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน”
เขามองนางอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ เดิมทีวันนี้เขาต้องลงเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวงด้วยเช่นกันเพราะในอีกครึ่งเดือนข้างหน้ามีงานสมโภชของวังหลวงและงานฉลองครบรอบของแคว้นฉิน เดิมทีคิดว่าหากมีนางร่วมเดินทางไปพร้อมกันคงจะดีไม่น้อยแต่นึกไม่ถึงว่านางกลับปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้
“เหตุใดเจ้าจึง….ช่างเถอะข้าคิดว่าเจ้าคงมีเหตุผลของเจ้า”
“ขอบคุณท่านชายที่เข้าใจ”
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้น…ข้าขออวยพรให้เจ้า…โชคดี”
“ขอบคุณคุณชายเว่ย”
“อ๊าา!! อ๊าา….ท่านพี่ ข้าบอกท่านไปแล้วว่าอย่าหักโหมอย่างไรเจ้าคะ อ๊ะ!!”“อีกรอบเดียวนะซูเม่ย อีกครั้งเดียวจะให้เจ้าพักแล้ว อาา…เม่ยเอ๋อร์!!!”ร่างหนาค่อย ๆ หย่อนกายลงข้าง ๆ พระชายาที่นอนหันหลังและหอบอยู่ข้าง ๆ เขา เมื่อบทรักครั้งสุดท้ายจบลงเว่ยเฟิงหรงหันมากอดนางที่นอนหันหลังให้เรือนผมนางยุ่งเหยิงเพราะเขา หลังที่เคยเนียนงดงามบัดนี้เต็มไปด้วยรอยจ้ำสีแดงเกือบทุกแห่งที่เขาจะฝากรอยเอาไว้ “เจ้าอยากอาบน้ำหรือไม่”“ข้า….ลุกไม่ไหว”“ข้าเองก็ลุกไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักผ่อนก่อนเถิดเอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยไปอาบด้วยกันแล้วค่อยขึ้นไปที่เขาลั่วซาง”“เฟิงหรง”“หืม”“ท่านคิดว่าข้าเอาแต่ใจตัวเองหรือไม่เจ้าคะที่…ขอให้ท่าน….”เขาหันมาดึงนางเข้ามากอดกับแผงอกกว้าง เขาดึงผ้าห่มมาห่มให้เขาและนางก่อนจะพูดกับนาง“เจ้าน่ะหรือจะเอาแต่ใจตัวเอง ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำสิ่งใดที่ทำให้ข้าลำบากใจเลยสักครั้ง หากไม่นับเรื่องที่เจ้าแอบไปทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายในเมืองหลวงนั่น”“ข้า….จะไม่ทำ….”เขาใช้นิ้วปิดปากนางเอาไว้เพื่อมิให้นางพูดออกมา“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องสัญญาอะไรอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไปอีกข้าก็จะติดตาม
งานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทและงานอภิเษกสมรสผ่านไปได้สองวัน ไป๋ซูเม่ยและเว่ยเฟิงหรงก็ต้องกลับมาเตรียมของเพื่อเตรียมตัวเข้ารับพระราชพิธีสมรสพระราชทานทั้งคู่กราบทูลขอเพียงแค่พิธีรับราชโองการและงานเลี้ยงในวังเท่านั้นส่วนงานอภิเษกทั้งคู่ทูลขอฝ่าบาทกลับไปจัดที่หยางโจว“ซูเม่ย เมื่อใดเจ้าจะได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกกันนะข้าหรือว่าให้ข้าไปเยี่ยมเจ้าที่หยางโจวดีล่ะ”“เฟยหย่าเจ้าอย่ามัวแต่นึกอยากเที่ยวสิ เจ้าเป็นพระชายาองค์รัชทายาทแล้วนะ ยังจะห่วงเที่ยวอีกงั้นหรือ”“เสด็จพี่เพคะ น้องซูเม่ยมาเมืองหลวงกว่าข้าจะรู้จักกับนางและได้สนิทกันก็แทบจะมิได้พานางไปเที่ยวที่ใดเลยเพราะมีแต่เรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันจนถึงวันอภิเษกก็ต้องเตรียมการวุ่นวายเช่นนี้”“พี่หญิงเพคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกเพคะหม่อมฉันกับซื่อจื่อจะแวะมาเยี่ยมพวกพระองค์อย่างแน่นอนเพคะ เสด็จพ่อเองก็ต้องเข้าวังหลวงอีกสี่เดือนข้างหน้าเพื่อมาเยี่ยมฝ่าบาทและร่วมงานพระราชพิธีคล้ายวันพระราชสมภพอยู่แล้ว เอาเป็นว่าเราจากกันไม่นานหรอกเพคะ”“เจ้าพูดจริง ๆ นะ น้องหญิงเจ้ากลับไปที่หยางโจวก็ดูแลตัวเองให้ดีนะ”“เพคะพี่หญิง ไม่สิพระชายาเองก็มีองค์
“อ๊าา หานลั่ว!!”ลิ้นของเขาเริ่มคลี่ร่องกลีบชื้นฉ่ำตรงหน้าออก ร่างของเฟยหย่าเอนขึ้นตามสัมผัสลิ้นและนิ้วของเขา มือนางจับที่ผ้าห่มเอาไว้แน่นเมื่อถูกเขาล่วงล้ำเข้ามาทั้งลิ้นและนิ้วจนนางทนไม่ไหว“อ๊าาา หานลั่ว ไม่ไหวแล้ว ข้ารู้สึกแปลก ๆ มันจะ อ๊าา!!!!”ร่างน้อย ๆ นั้นเกร็งกระตุกจนเกิดเสียง จวินหานลั่วรวบขาของนางและยังใช้ลิ้นปรนเปรอนางไม่หยุด เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้วเขาจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งแกร่งของเขาที่ปวดตึงหนึบอยู่นานแล้วเข้าไป เขาอ่อนโยนจนนางรู้สึกถึงความห่วงใยที่เขามีให้นาง “หานลั่ว อ๊าา ช่างดียิ่งนัก รู้สึก อ๊าา ดียิ่งนัก อ๊าา…”“เฟยหย่า ข้าจะ…เร่งได้อีกนิดได้หรือไม่”“เร็วอีกหน่อยเจ้าค่ะ อ๊าา หานลั่วเร็วขึ้นอีก อื้อ…”เขาพยายามรักษาความเร็วเอาไว้เพราะเกรงว่านางจะเจ็บ ลิ้นหนาค่อย ๆ จูบไปที่ยอดปทุมสีสวยเพื่อให้นางคลายความเจ็บแต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้เจ็บมากเพราะเขาอ่อนโยนกับนางมากกว่าที่จะทำให้นางเจ็บได้“อาา เฟยหย่าเปลี่ยนท่านะ”“อื้อ อ๊าา!! หานลั่ว ท่านี้ลึกมากเพคะ เสียวมากจริง ๆ อ๊าา กระแทกเข้ามาอีก อ๊าาา”จวินหานลั่วรู้ว่าเขาจะทนได้อีกไม่นานแล้วเมื่อด้านในนางทั้งคับแน่นและบีบรัดเข
สนามชู่จวี“อะไรกัน เล่นสกปรกงั้นหรือ แย่แล้ว องค์ชายสาม!!”“พี่หญิง ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”เหยียนเฟยหย่าวิ่งไปยังห้องที่มีคนหามจวินหานลั่วเข้ามา นางวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นเขาถูกหามออกมานอกสนาม“องค์ชายสาม!!”“เฟยหย่า!! เจ้ามา…ได้เช่นไรกัน”องค์ชายสั่งให้ทุกคนออกไปเมื่อเห็นว่าเฟยหย่าวิ่งพรวดพราดเข้ามา ประตูห้องพักปิดลงเมื่อนางหันมาจับมือเขาเอาไว้“องค์ชาย เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บเช่นนี้ พวกนั้นเล่นนอกกติกา”“เฟยหย่า อย่าพึ่งพูดนี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“หม่อมฉันเห็นพระองค์ถูกทำร้าย คนพวกนั้น…”“เฟยหย่า คนพวกนั้นมิใช่คนต่างแคว้นแต่เป็นนักฆ่าที่เสวียนอวี่ส่งเข้ามา”“อะไรนะ!! นี่เขา….ตั้งใจจะเล่นงานท่านงั้นหรือ”“เฟยหย่า!! เจ้าจะทำสิ่งใด อย่าพึ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น เว่ยเฟิงหรงกับพี่ใหญ่เจ้ารู้แล้วพวกเขาอยู่ในสนาม ทันทีที่ข้าถูกเล่นงานเว่ยเฟิงหรงก็ให้คนพาข้าออกมาเกรงว่าพวกมันจะทำร้ายข้า เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดพวกเขาจัดการกันเองได้ คนของพวกเราอยู่ในสนามแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจัดการพวกที่เหลือแล้ว”“ก็ได้จวินหานลั่วครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน”“เจ้าก้มลงมานี่หน่อยสิ”เหยียนเฟยหย่าก้มลงมา จวินหานลั่วจับนางลงมาและจู
งานเลี้ยงประจำปี“เจ้าว่าอย่างไรนะ เสด็จพ่อจะประทานสมรสงั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เข้าร่วมจะดีกว่าข้าไม่สนใจเรื่องงานเลี้ยงกับพวกขุนนางขี้ประจบเหล่านั้นหรอก”“องค์ชายสาม ครั้งนี้มีสตรีบุตรขุนนางหลายคนเข้าร่วม พระองค์ไม่สนใจจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เฉินกงกง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานมากขนาดนี้เชียวหรือ ท่านขี้เกียจดูแลข้าแล้วสินะ”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะเพียงแต่เรื่องการแต่งงานฝ่าบาทต้องเห็นชอบพระองค์เองก็มิควรเก็บตัวเช่นนี้”“ว่าแต่ครั้งนี้เสด็จพ่อจะประทานสมรสคู่ใดเป็นพิเศษเล่า”เฉินกงกงบอกกล่าวไป ทั้งเรื่องขององค์ชายที่จะแต่งบุตรสาวขุนนางและท่านหญิงเข้ามาในวังหลวง รวมถึงบรรดาองค์หญิงที่ต้องแต่งงานกับแม่ทัพและ….“อีกคู่น่าจะเป็นองค์ชายสี่กับคุณหนูรองสกุลเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”ตำราพิชัยยุทธ์หล่นจากมือของ “จวินหานลั่ว” โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเหม่อลอยเมื่อได้ยินชื่อนั้นเข้าหูจนฉินกงกงตกใจ“องค์ชาย….องค์ชายสาม!!”“หา…เอ่อ อ้อ อะไรนะ สกุลเหยียนกับ…น้องสี่ พวกเขาไปรู้จักกันเมื่อใดงั้นหรือ”“เห็นว่าฮองเฮาเป็นผู้สู่ขอแทนองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ…ฮองเฮางั้นหรือ ดูท่าแล้วไม่เกี่ยวกับความรู้สึกสินะ”หลังจากนั้นเขาเองก็
เว่ยเฟิงหรงอุ้มไป๋ซูเม่ยลงจากรถม้า พักหลัง ๆ คนในจวนอ๋องที่เมืองหลวงมักจะชินตากับการที่เว่ยซื่อจื่ออุ้มนางลงมาเช่นนี้แล้ว แต่ละคนคิดไปเองว่าเพราะไป๋ซูเม่ยนั่งรถม้ามาแล้วหลับซื่อจื่อไม่อยากให้นางตื่นจึงอุ้มลงมา และบางคนก็คิดว่าไป๋ซูเม่ยเป็นสตรีที่อ่อนแอ เพียงแค่นั่งรถม้ากระเทือนก็จะเดินไม่ไหว แต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ล่วงรู้ความจริงนอกจากอาหยงและต้าหมิน องครักษ์ของซื่อจื่อและสาวใช้ของนาง“เฟิงหรงท่านจะเกินไปแล้วนะเจ้าคะข้าเอวแทบหักทุกครั้งเลย จากนี้ไปข้าจะแยกรถม้ากับท่าน!!”“เม่ยเอ๋อร์เจ้าจะทำเช่นนี้หาได้ไม่ ผู้อื่นก็คุ้นชินกับการที่ข้าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะใส่ใจไปทำไมกัน เจ้าก็มิใช่ผู้ที่จะสนใจสายตาคนอื่นเสียเมื่อไหร่เล่า ไม่เอาน่าอย่าทำหน้างอเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาไปกินเกี๊ยวน้ำร้านประจำของเจ้าดีหรือไม่”“ไม่ต้องเอาเกี๊ยวมาล่อข้าให้ตายใจ ก่อนจะไปกินเกี๊ยวท่านมิกินข้าก่อนจนหมดแรงสุดท้ายก็ต้องให้คนซื้อมาให้ข้าถึงเตียงหรอกหรือ ข้ารู้จักท่านดีเว่ยเฟิงหรง คนเจ้าเล่ห์”“เช่นนั้นไหน ๆ เจ้าก็รู้ทันข้าแล้ว…ก็อย่าเสียเวลาเลยนะไปอาบน้ำกันเถอะคนดี”“หยุด!! ข้าไม่อาบกับท่านแน่นอน เว่ยเฟิงหรง!! ไม่นะ ออก